top of page
เกี่ยวกับ
กางเกงยีนส์ มีกี่แบบ.jpg

มาทำความรู้รู้จักกับผ้ายีนส์

และต้นกำเนิดของผ้ายีนส์

แฟ้มผลงาน

ยีนส์มีต้นกำเนิดมาหลายร้อยปีแล้ว ชาวต่างชาติ เรียกยีนส์ว่า บลูยีนส์ (Blue  Jeans) เพราะยีนส์มีสีโทนน้ำเงินมาแต่กำเนิด   ไม่ได้มีสีต่าง ๆ ให้เลือกเหมือนอย่างในปัจจุบัน ต้นกำเนิดของผ้ายีนส์นั้นดำเนินควบคู่มากับประวัติของช่างเสื้อวัย ๑๗ ปี ที่ชื่อ ลีวาย  สเตราส์ (Levi Strauss)  ซึ่งอพยพมาอยู่ที่เมือง ซาน  ฟรานซิสโก   ในยุคเฟื่องฟูของเหมืองทอง ราวทศวรรษที่ ๒๓๙๓–๒๔๐๓ แต่แทนที่เขาจะร่วมเสี่ยงโชคขุดทอง ดังวัตถุประสงค์ของผู้คนทั้งหลายที่หลั่งไหลเข้า ชาน ฟรานซิสโก   ด้วยสายตานักธุรกิจที่กว้างไกลเขา กลับนำผ้าใบมาขาย ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดในช่วงยุคนั้นมาก   นักขุดทองพากันซื้อผ้าใบ มาใช้เป็นเต็นท์และใช้คลุมรถ   ความฉลาดเฉลียวของพ่อหนุ่มคนนี้ยังมองเห็นช่องทางอื่นอีก เขารู้ว่าคนที่ทำงานในเหมืองต้องการกางเกงที่เหมาะกับลักษณะงานลุยมาก   เขาจึงนำผ้าใบซึ่งทนต่องานหนัก ๆ ได้ดีมาใช้ตัดเย็บเสื้อกางเกง

pasted image 0.png

มาทำความรู้จักกันก่อนเลยสำหรับประเภทผ้ายีนส์ ทั้ง 5 ชนิด

jeansdenim-4.jpg

1. ผ้ายีนส์ฟอก (WASHED DENIM)

ผ้ายีนส์ฟอก (WASHED DENIM)

“ยีนส์ผ้าฟอก” เป็นอีกหนึ่งยีนส์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันสูงมาก เนื่องจากสวมใส่สบายเหมาะกับทุกโอกาส พร้อมใส่ .  “ผ้าฟอก” คือ ผ้ายีนส์ที่ผ่านกระบวนการทำให้ซีด มีรอยขาด หรือปะ (patchwork) ตั้งแต่เราซื้อมามือหนึ่ง ซึ่งกรรมวิธีมีทั้งใช้สารกัดสีบ้าง ปั่นกับหินบ้าง (stone washed) จึงทำให้กางเกงยีนส์ผ้าฟอกสวยแบบพร้อม ใส่ไม่ต้องเสียเวลาปั้น . และริ้วรอยต่างๆ ก็เหมือนผ่านการสวมใส่จริง อาจจะไม่เหมือน 100% แต่ก็ยังเป็นการฟอกที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้ไม่สามารถปั้นเฟดได้ให้เหมือนกับผ้าฟอก นั้นคือคำตอบว่าทำไมผ้าฟอกจึงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ที่เด่นๆจะเป็นตระกูล Replica ฟอกสวยและราคาสูง

washed-denim.jpg

2. ผ้ายีนส์คอตตอน100% (100% COTTON DENIM )

ผ้ายีนส์คอตตอน100% (100% COTTON DENIM )

หากเมื่อย้อนไปในยุคสมัย ปี ‘80-‘90 ในยุคที่ Levi’s ยังครองเมือง ผ้าคอตตอน 100% นั้นถือเป็นกางเกงยีนส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะถูกสวมใส่โดยดาราที่มีชื่อเสียงมากมาย . และถ้าหากให้ลองนึกภาพตาม ก็คงเป็นยุคที่ผู้ชายใส่ยีนส์ Levi’s เอวสูง พร้อมทรงผมแบบ “เอลวิสและหวีคู่ใจ” นั่นแหละคือยุคสมัยของผ้ายีนส์คอตตอน 100 % อย่างแท้จริง ส่วนในปัจจุบันผ้าคอตตอนไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่นัก เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หรือว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศก็ตาม . ซึ่งยีนส์คอตตอน 100% อาจจะมาในรูปแบบผ้าดิบหรือผ้าฟอกก็ได้ ข้อเสียของผ้าคอตตอน 100% นั่นก็คือ ด้วยความแข็งของผ้าจะทำให้มีทรงที่ค่อนข้างใหญ่ และจะไม่เข้ารูป แต่คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความคงทน เพราะกางเกงยีนส์ผ้าคอตตอน 100% จะขาดยากมากๆ เมื่อเทียบกับผ้ายืด

ผ้ายีนส์คอตตอน100.jpg

3. ผ้ายีนส์ดิบ (RAW DENIM OR DRY DENIM)

ผ้ายีนส์ดิบ (RAW DENIM OR DRY DENIM) “Raw Denim” หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า “ผ้าดิบ Raw Denim” คือผ้ายีนส์ที่ไม่ได้เคยผ่านน้ำ ผ่านการฟอกใดๆ กล่าวคือ เส้นด้ายผ่านการย้อมคราม (Indigo) แล้วนำมาถักทอเป็นผ้ายีนส์เลย ซึ่งจะทำให้ได้สีกางเกงเป็นสีน้ำเงินเข้มแบบดั้งเดิมสวยงาม . ความพิเศษของก็คือ Raw Denim คือ เมื่อใส่ไประยะหนึ่งแล้ว สีที่ย้อมบนตัวผ้าจะค่อยๆ หลุดออกไปเรื่อยๆ ตามกิจกรรมที่เราทำขณะสวมใส่ ทำให้เกิดริ้วรอยหรือเรียกกันว่า “Fade” . นักปั้นเฟดจะรู้ดีว่า ยิ่งใส่บ่อย ยิ่งใส่นาน ริ้วรอยก็จะยิ่งชัดขึ้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้สวมใส่ เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นกางเกงยีนส์รุ่นเดียวกัน แบบเดียวกัน แต่สำหรับบางคน Fade ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกางเกงยีนส์เลยก็ได้ รุ่นที่ใช้ผ้าพวกนี้ คือ Thin finn dry twill , Thin finn dry ecru embo , Grim tim dry navy , Lean Dean dry iron เป็นต้น1.2 ผ้า Dry ที่ผ่านน้ำมาแล้ว เป็นผ้าที่ผ่านการแช่น้ำมาจากโรงงานแล้ว เนื้อผ้าจะนุ่ม ใส่สบาย และยืดมากกว่าผ้า dry ปกติ     วิธีสังเกตุ รุ่นที่ใช้ผ้าพวกนี้ ในชื่อรุ่นจะมีคำว่า Rinsed ต่อท้ายเสมอ เช่น รุ่น TLJ twill rinsed , Tube tom twill rinsed เป็นต้น

ผ้าดิบ-raw-denim.jpg

4. ผ้ายีนส์ยืด (STRETCH DENIM)

ผ้ายีนส์ยืด (STRETCH DENIM)

ถ้าให้ตอบว่ายีนส์ผ้าแบบไหนที่ใส่สบายที่สุดและถูกใจขาร็อคหรือคนที่ชอบใส่กางเกงยีนส์สกินนี่ คงไม่พ้นกางเกง “ยีนส์ผ้ายืด” ซึ่งยีนส์ผ้ายืดอาจจะมาในรูปแบบ “ผ้าดิบ” หรือ “ผ้าฟอก” ก็ได้ ข้อดีของผ้ายืด คือ ทำให้เราสวมใส่กางเกงได้สบาย ไม่อึดอัด และลดไซส์ได้เยอะขึ้น . แม้ว่าหลายๆ แบรนด์จะทำยีนส์ผ้ายืดออกมาขายอย่างมากมาย แต่ว่าผ้ายืดเองก็มีข้อเสียหลักๆเลย คือ ทรงจะเข้ารูป ทรงเล็กกว่าผ้าคอตตอน 100% และเป็นผ้าที่ค่อนข้างขาดง่าย หากผู้สวมใส่ดูแลรักษาไม่ดี หรือว่าไม่ระมัดระวังในการสวมใส่ . แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้กางเกงยีนส์ผ้ายืด สามารถยืดได้มากยิ่งขึ้นและทนทานมากขึ้นไปอีก นั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมยีนส์ผ้ายืดในปัจจุบันจึงได้รับความนิยมอย่างสูง

ผ้ายีนส์ยืด.jpg

5. ผ้ายีนส์ริม (STRETCH DENIM)ผ้ายีนส์ยืด (STRETCH DENIM)

 ผ้ายีนส์ริม (SELVEDGE DENIM) ผ้าแข็ง

“ผ้ายีนส์ริม” มาจากคำว่า “selvedge” แผลงมาจาก คำว่า “self-edge” ซึ่งริมที่เห็นๆ กันอยู่ คือการเย็บหัวผ้าด้วยด้ายสีต่างๆ ขอบของผ้าโดยสีของริมจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตยีนส์ อาจจะเป็นสีแดง หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าริมแดง และอาจจะเป็นสีอื่นๆ เช่น ส้ม ขาว น้ำเงินก็ได้ . คำว่า “Selvedge” (สะกดได้ 2 แบบ selvage หรือ selvedge) จริงๆ แล้วมีที่มาจากคำว่า “self-edge” โดยผ้าริมจะสามารถทอได้ด้วยเครื่องทอผ้าแบบเก่า ที่เรียกว่า “Shuttle loom” ซึ่งให้ขนาดของหน้าผ้าที่แคบกว่าการทอโดยใช้เครื่องทอรุ่นใหม่ และทอได้ช้ากว่า เนื่องจากต้องใช้แรงงานคนในการทอหรือควบคุมการทอ . เครื่องทอแบบเก่านั้นถูกใช้เพื่อผลิตผ้าเดนิมสำหรับทำกางเกงยีนส์ในอเมริกา แต่เมื่ออุตสาหกรรมยีนส์ได้เติบโตขึ้น มีความต้องการของผู้บริโภคที่สูงมากขึ้น จึงได้มีการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องทอผ้าแบบดั้งเดิม (Shutter Looms) ไปใช้ เครื่องจักรที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองการผลิตแบบ mass ทำให้สามารถทอผ้าได้เร็วกว่า รวมถึงหน้าผ้าก็กว้างกว่ามาก  . ซึ่งผ้าริมนั้น จะสังเกตได้ง่ายๆที่ตะเข็บด้านนอกของกางเกงยีนส์ และมักจะมีคำว่า selvage ต่อท้ายชื่อของกางเกงรุ่นนั้นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ

ผ้ายีนส์ริม.jpg

เมื่อรู้จักชนิดของผ้ายีนส์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือตัวที่ช่วยทำให้ผ้ายีนส์ประกอบร่างเข้าหากัน จักรเย็บผ้าสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อน ผ้ายีนส์ โดยเฉพาะ  นั่นก็คือ จักรเย็บผ้ากระเป๋าหิ้ว Singer Denim  และอีกสิ่งสำคัญหากต้องทำงานเกี่ยวกับผ้ายีนส์ อย่าลืมเปลี่ยนเข็มเย็บผ้ายีนส์ให้เข้ากับเนื้อผ้าชิ้นงานเพื่อความสวยงามเนี๊ยบด้วยนะคะ

jeansdenim-2.jpg
bottom of page